บทความนี้อาจเหมาะกับคนที่ไม่รู้จะสักอะไร หรือเป็นคนที่คิดไม่ออกสักทีว่าอยากสักนะ แต่ไม่รู้จะสักอะไร เพราะคุณเป็นคนช่างเลือก บางทีคือเลือกจนไม่ได้สักเลยด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ไม่ได้ว่าอะไร หากไม่ได้เอาเทคนิคในบทความนี้ไปใช้
ในชีวิตคุณ มีอะไรอยู่กับเราทุกวันจนสิ่งนั้นมีอิทธิพลกับความคิด ความเชื่อ ความฝัน ของเราไหมคะ?
สำหรับใครหลายๆ คน สิ่งแรกที่นึกถึงอาจเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่ภาพยนตร์และเพลงที่ดูซ้ำไม่รู้กี่รอบ เพราะอินหรือชอบ จริงมั้ย ? หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ทำให้เราสะเทือนใจ ไม่ว่าจะเป็น อกหักครั้งล่าสุดก็เถอะ ความคิดความรู้สึกตรงนี้มันยังอยู่กับเรา เหมือนแผลที่ยังสดใหม่ แม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ปกติแล้ว เราได้ย้อนกลับมาทบทวนตัวเองบ่อยแค่ไหน ว่าเราอยากเลือกที่จะเก็บหรือไม่เก็บอะไรเอาไว้ในความทรงจำ ได้กลับมาทบทวนบทเรียนบ่อยไหม ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันได้ทำให้เราได้คิด หรือได้แง่มุมอะไรไปแล้วบ้าง ?
แล้วเราจะ เลือกที่จะจดจำในสิ่งไหนดี ? เลือกที่จะจดจำ ในแบบที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวดี ?
เลือกจำสิ่งแย่ๆ ที่เราเจอ หรือสิ่งดีๆ ที่เราเจอล่ะ ??
แล้วรู้ตัวมั้ย ว่ากำลังเลือกอยู่นะ ?
ความจริงแล้วสิ่งที่แอดมินกำลังเล่ามาทั้งหมด มันเป็นเรื่องของการสะท้อนตัวเอง บางที่ก็จะเรียกว่าการใคร่ครวญตัวเอง หรือการทำสมาธิพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่มันกำลังเป็นไป ก็แล้วแต่ใครจะสะดวกเรียก แต่ขอบอกเลยว่า เทคนิคนี้ คือขั้นแรกของการเลือกลายสักได้ด้วยนะ
โปรดอย่าลืมเรื่องหนึ่ง ว่าลายสัก นอกจากมันจะเป็นศิลปะ เป็นแฟชั่น ที่ประดับบนร่างกายแล้ว มันอาจกลายเป็นตัวตนใหม่ของคุณ เป็นสิ่งที่คุณเห็นทุกวันต่อจากวันนี้เป็นต้นไป ลองนึกภาพนางแบบที่มีการแต่งตัวแบบหลายๆ ลุคสิ วันนี้อาจจะแต่งแบบเซ็กส์ซี่ อีกวันแต่งแบบน่ารักใสๆ สไตล์ญี่ปุ่นเรียบร้อยๆ ถ้ามาเห็นคนละลุค เราก็อาจตัดสินคนๆ นี้ไปแล้ว ว่าผู้หญิงคนนี้เซ็กส์ซี่ หรือน่ารักแบบใสๆ จริงไหม ?
ลายสักเองก็ไม่ต่างกันนักเท่าไหร่
วันนี้แอดมินเลยขอนำเสนอมุมมองในการเลือกลายสัก ในแบบที่อาจไม่เคยมีใครนึกถึง เอาไว้ให้เป็นไอเดียคร่าวๆ หลวมๆ สำหรับการสักในคราวหน้าแล้วกันนะคะ ว่าอยากเลือกรับลายไหนเข้าร่างกายบ้าง? เพราะเจ็บตัวแถมจ่ายแพงทั้งที มันก็ต้องได้อะไรกลับไปบ้างแหละ จริงมั้ย? มันถึงจะคุ้มค่า
1. ลายที่สื่อถึง สิ่งที่มีความหมายในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น ความทรงจำในอดีต ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สิ่งที่อยากเตือนตัวเอง ภาพความฝันในอนาคต คนที่อยากเป็น ครอบครัวที่เราต่อสู้เพื่อเขา ความรักในตัวเอง ตัวตนของเรา ฯลฯ
ศิลปะไม่ได้กำหนดตายตัว เพราะศิลปะสะท้อนได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ซึ่งอาจจะเป็นภาพที่สักแล้วชวนให้นึกถึงสิ่งเหล่านั้น หรือเป็นรูปสิ่งเหล่านั้นตรงๆ เช่น เรารักภรรยาของเรามาก และเธออาจชอบดอกมะลิจนเราเห็นดอกมะลิทีไรแล้วก็นึกถึงเธอขึ้นมาทุกที เราก็อาจจะสักเป็นรูปดอกมะลิลงไป อันนี้ก็ได้เช่นกัน หรืออาจจะสักเป็นรอยสักคู่กับภรรยาเลยก็ได้ ไม่ผิด หรือเป็นชื่อของเธอ สักเป็นใบหน้าเธอ มันได้หมด ไม่มีถูก ไม่มีผิด
2. หลังจากสักแล้ว นี่คือสิ่งที่คนจะมองว่าเราเป็นแบบนี้
หลายคนตอนไม่มีลายสักดูเป็นคนไม่มีอะไร พอมีงานเรียลลิสติกแนวกระโหลกหรือซอมบี้ หรืองานญี่ปุ่นดุๆ ยักษ์โอนิที่ครูแซคสัก หรืองานไทยประยุกต์รูปยักษ์ของครูดรีมประทับร่างเข้า กลายเป็นคนดุดันทันตาเห็น…
นี่แหละความมีอิทธิพลของการสร้างภาพภายนอก เราจะเป็นในสิ่งที่เราแต่งตัว ลายสักเองก็ไม่ต่างอะไรจากแฟชั่นแขนงหนึ่งนะคะ แต่มันเป็นแฟชั่นแบบติดตัวไปอีกยาว เลือกเสื้อผ้าอาจเลือกยังไงก็ได้ พรุ่งนี้เปลี่ยนแล้วก็กลายเป็นคนใหม่ได้ตลอด
แต่สำหรับลายสัก อาจต้องคิดให้ดีนิดนึง…
เราอยากให้คนอื่นมองเราแบบไหนดีล่ะ ?
3. ลายที่สื่อถึงสิ่งที่เราชอบเป็นพิเศษ คำคม ชื่อหนังสือ ไอดอล หรือสิ่งที่จะทำให้เราคิดถึงแนวทางการใช้ชีวิต
หลายคนแค่ชอบหนังสักเรื่อง อาจเพราะมันสนุกโดนใจ แล้วเอาตัวละครที่ชอบมาสัก
ความจริงอยากให้ลองคิดไปถึงตอนที่ได้ดูหนังเรื่องนั้น ถามตัวเองสักนิด ว่าอะไรที่ทำให้เราชอบตัวละครตัวนั้น ? อย่างแอดมินจะชอบพวกสาวแกร่งที่มีความเป็นนักสู้มากๆ ไม่ว่าจะเป็น Alice หรือ Jill Valentine ในเรื่อง Resident Evil, Lucy จากเรื่อง Lucy แล้วก็ Wonder Woman, Selene จาก Underworld เป็นต้น แต่ลองสังเกตจุดร่วมของคนเหล่านี้ดีๆ ทุกคนเป็นผู้หญิง และมีความเป็นนักสู้ สำหรับแอดมินที่อาจจะเป็นเด็กขี้แยมาตลอดชีวิต ก็เลยรู้สึกชื่นชมบรรดานักสู้หญิงเหล่านี้ จนยึดพวกเธอเป็นไอดอลไปแล้ว ไม่ว่าเวลาดูหนังเรื่องไหน ถ้าเจอผู้หญิงถือปืน เตะต่อย บู๊ล้างผลาญ มันทำให้เรารู้สึกอินไปด้วย
ดังนั้นถ้าหากแอดมินสักใครสักคน เช่น อาจจะเป็น Wonder Woman แอดมินก็จะได้นึกถึงฟิลลิ่งของผู้หญิงสายสตรองทุกครั้งที่เห็นลายสักนี้ในทุกๆ วัน
แต่แอดมินก็ไม่รู้ไงคะ ว่าปกติแล้วชอบอะไรกันบ้าง หนัง ละคร เพลง บุคคลจริงที่ยังมีชีวิตและจากไปแล้ว แต่เชื่อแหละ ว่ามีอะไรสักอย่างที่ทำให้เราชอบเขา จนอาจจะต้องเก็บไว้เป็นลายสักแล้วก็จำในสิ่งที่เขาเป็นก็ได้
ลองค่อยๆ ทบทวนตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง ก่อนคิดลายไปหาช่างสัก
บอกเลยว่าคุณจะพอใจกับลายเหล่านี้ไปอีกนานเท่านาน
ตราบใดที่เม็ดสีสักยังไม่จางหายไป
เกี่ยวกับผู้เขียน
