บางทีการที่เราไปสักร่างกาย นอกจากแผลที่เกี่ยวกับเรื่องของการฝังเข็มแทรกเม็ดสีเข้ามาแล้ว ยังมีโอกาสเกิดแผลประเภทอื่นๆ ได้อีก ซึ่งแผลสักที่อาจเกิดโดยไม่คาดคิด สามารถเกิดได้ใน 2 กรณี ดังนี้
1. เกิดจากเรื่องของเทคนิค หรือตัวช่าง
ตัวอย่างเช่น
- เป็นแผลลอกหนา สะเก็ดแผลหนาๆ บนผิวหนัง แต่ไม่กินเซลส์ผิวหนังด้านล่าง อันนี้เกิดจากการใช้เข็มที่สั้นเกินไป ทำให้ปลอกเข็มพลาสติกเนี่ย ไปขูดกับผิวหนังจนถลอก ทำให้ผิวหนังด้านบนถลอก และทำให้เป็นแผลสะเก็ดหนา
- กรณีแผลอักเสบ อย่างเช่น ปวดช้ำบวมแดง อาจจะเกิดจากทางเทคนิคก็ได้ ช่างบดย้ำเยอะเกินไป ช่างขาดความรู้ในเรื่องของชั้นผิวหนัง ขาดความรู้ในเรื่องของการลงเข็ม และขาดความรู้ในเรื่องของการใช้เทคนิคอุปกรณ์ต่างๆ
2. เกิดจากตัวลูกค้าเอง
ตัวอย่างเช่น
- การดูแลหลังการสักอาจไม่ดีเท่าที่ควร อาจมีการไปโดนน้ำสบู่บ้าง แช่น้ำบ้าง กินอาหารที่เป็นอาหารแสลงบ้าง เป็นต้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดแผลอักเสบได้
การสังเกตลักษณะของแผลอักเสบ
# แผลอักเสบ
วิธีการสังเกตแผลอักเสบ หรือแผลที่เกิดจากอาการแพ้ ทั้งสองแผลมีความแตกต่างกันตรงที่ แผลอักเสบให้สังเกตอาการภายนอก เจ็บช้ำ บวมแดง เวลาเรากดแผลจะอักเสบร่วมด้วย นั่นคืออาการแผลอักเสบ การรักษาเบื้องต้น ให้เรารับประทานยาแก้อักเสบ และทำความสะอาดแผลบ่อยๆ หรือปล่อยให้แผลแห้งไปเองตามระยะเวลาการทำงานของผิวหนังไปเลย
# อาการแพ้
ส่วนอาการแพ้สี ก็มีลักษณะช้ำ บวม แดง เหมือนกัน แต่กดแล้วไม่เจ็บ ลักษณะแบบนี้คือการแพ้สี แพ้สารเคมี ซึ่งเกิดได้น้อยมาก เพราะอาจเป็นในเรื่องของสีหมดอายุ หรือสีปลอมที่ไ่ม่ผ่านมาตรฐาน